ลุ้นขึ้นท็อปโฟร์ เจาะ 5ใจความสำคัญก่อนเกม ลิเวอร์พูล เยือนเบิร์นลี่ย์

ลุ้นขึ้นท็อปโฟร์ ไปสู่ช่วง 2 เกมในที่สุดของฤดูกาลนี้แล้ว และก็เป็นตอนๆที่แฟนบอล “ลิเวอร์พูล” หงส์แดงจำเป็นต้องลุ้นกัน

ลุ้นขึ้นท็อปโฟร์ ไปสู่ช่วง 2 เกมในที่สุดของฤดูกาลนี้แล้ว และก็เป็นตอนๆที่แฟนบอล “ลิเวอร์พูล” หงส์แดงจำเป็นต้องลุ้นกันจนกระทั่งเนื้อตัวเกือบจะขาดว่าพวกเขาจะได้โควต้าไปลุยศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ในช่วงฤดูกาลหน้าหรือไม่

เกมเยือนเบิร์นลี่ย์ คนไม่ใช่น้อยบางทีอาจจะคิดว่าไม่ใช่เกมหนักสำหรับ ลิเวอร์พูลแต่ว่าอย่าลืมว่าก่อนหน้าที่ผ่านมาในแมตช์ปะทะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน พวกเขาก็จำเป็นต้องอาศัยการโหม่ของ อลิสซง เบ็คเกอร์ นายทวารชาวบราซิเลียน ถึงได้ 3 แต้มที่แสนล้ำค่า

แมตช์นี้จำเป็นต้องกล่าวว่าสื่อความหมายกับ ลิเวอร์พูลมากมายๆเพราะว่าพวกเขาอยากความมีชัยแค่นั้นเพื่อต่อยอดไปอยู่การคว้าท็อปโฟร์ แต่ว่าถ้าไม่สามารถที่จะกลับไปอยู่บ้านด้วยการมีสามแต้มเต็มได้

งานนี้เหล่า “เดอะ ค็อป” จำเป็นต้องจัดเตรียมนอนดึกดื่นมองบอลคืนวันพฤหัสบดี ซึ่งคงจะไม่เคยชินเพราะเหตุว่าไม่ได้เจอกับเหตุการณ์แบบงี้มานานยาวนานหลายปี !!! คล็อปป์เชื่อใจ “น้องแนต”- “หนูรีส” คู่กองหลังตัวกลาง

โอซาน คาบัค ยังคงไม่สามารถที่จะลงไปในสนามในเกมนี้ได้อีกแมตช์ และก็แน่นอนว่าตำแหน่งกองหลังตัวกลาง คล็อปป์ ทรงไว้เชื่อใจให้ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ กับ รีส วิลเลี่ยมส์ ยืนปฏิบัติหน้าที่ถัดไป

ข้างหลังทั้งสองทำผลงานให้กระจ่างสายตามาแล้วในเกมเชือด เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน แล้วก็บุกทุบแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ไม่ว่าใช่ ฟิลลิปส์ กับ วิลเลี่ยมส์ จะโชว์ฟอร์มสะดุดตาเป็นสง่าจนกระทั่งทำให้ คล็อปป์ ไว้ใจให้ยืนเป็นหอสังเกตการณ์คู่สู้แนวรุกเบิร์นลี่ย์

เพราะว่าในเกมเจอ “เดอะ แบ็กกี้ส์” ทั้งสองก็มีจังหวะพลาดบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะเสียประตู แม้กระนั้นโชคดีด้วยประสิทธิภาพของ เวสต์บรอม ทำให้ ลิเวอร์พูลไม่เสียประตูมากมายไปกว่านี้

อย่างไรก็ดีการใช้แรงงาน สองดาวรุ่งแนวรับ ก็นับว่าเป็นความอาจหาญของ คล็อปป์เพราะเหตุว่ามันทำให้เขาสามารถนำ ฟาบินโญ่ กลับมายืนในตำแหน่งประจำที่ตนเองถนัดอีกที แล้วก็มีผลดีต่อ ตำหนิอาโก้ อัลกันตาร่า

ลุ้นขึ้นท็อปโฟร์ ซึ่งสามารถแงะฟอร์มเก่งออกมาได้อย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญลำแข้งเลือดสแปนิช บอกให้เห็นอย่างสะดุดตาสำหรับการเล่นเกมรุก รวมทั้งช่วยเกมรับด้วย บ้านบอล

เกมเยือน เบิร์นลี่ย์คนไม่ใช่น้อยบางทีอาจจะคิดว่าไม่ใช่เกมหนัก

ลุ้นขึ้นท็อปโฟร์ กระนั้น คล็อปป์อย่าได้ประมาทเกมรุกของ เบิร์นลี่ย์ถ้าจำกันได้นี่เป็นสมาพันธ์ที่เปิดซิงความแพ้พ่ายให้ “เดอะ เร้ดส์” ในรอบเกือบ 3 ปีเมื่อตอนต้นม.ค.นี้ ดังนั้นถ้าหากทั้งคู่คนเล่นหละหลวมเสมือนเกมเจอ เวสต์บรอม ก็มีสิทธิ์ที่จะโดนลูบคลำคมก็ได้

ความเที่ยงตรง รวมทั้งเฉียบคมสำหรับในการเข้าทำ อีกหนึ่งสิ่งที่ คล็อปป์จำเป็นต้องเน้นเป็นพิเศษก็คือเกมรุกที่ควรมีความเฉียบคมมากยิ่งกว่านี้ โดยหัวข้อนี้คือปัญหามาตลอดตั้งแต่ไปสู่ปีวัว เนื่องจากเกมบุกของ ลิเวอร์พูลยังคงอันตรายแม้กระนั้นเมื่อเข้าไปอยู่ภายในเขตพื้นที่ในที่สุด กลับยิงทิ้งยิงเขวี้ยงอย่างโชคร้าย

ในแมตช์ที่ทุบ แมนฯยูไนเต็ด แล้วก็เกมเฉือน เวสต์บรอม เกมบุกของ “เดอะ เร้ดส์” ยังคงอันตรายดังเดิม แต่ว่าเมื่อถึงจังหวะที่จะต้องปิดบัญชี เปลี่ยนเป็นว่านักเตะแต่ละคนดันลืมเอาความแหลมคมเจอประจำตัวมาด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมทางขอบเส้นทั้งยังจาก เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ซึ่งทั้งคู่คนช่วยกันเพิ่มเติมเกมได้อย่างมาก แต่ว่าเมื่อถึงจังหวะจำต้องเปิดบอลเข้าไปในจุดโทษ แปลงเป็นไม่กำเนิดคุณประโยชน์อะไรเลย

สำหรับสามประสาน คล็อปป์อาจจะจำเป็นต้องใช้ ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แล้วก็ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ถัดไป เนื่องจากว่า ดีโอโก้ โชต้า ยังมีปัญหาบาดเจ็บ รวมทั้งงานนี้ ที่ปรึกษาชาวเยอรมัน คงจะจะต้องเน้นเป็นพิเศษหัวข้อการจบสกอร์ โดยยิ่งไปกว่านั้น มาเน่ ควรมีความเฉียบคมมากยิ่งกว่านี้

อย่างไรก็ดีเรื่องที่น่าจะเป็นจุดแข็งของหงส์แดง ในขณะนี้ก็คือการเล่นลูกฟรีคิก และก็เตะมุม เพราะเหตุว่า “เทรนต์” ค่อนจะเปิดบอลได้ถูกต้องมากมาย แล้วก็ตอนโค้งสุดท้ายของฤดูกาลนี้ เขาชี้ให้เห็นถึงการเป็นจอมเปิดลูกตั้งเตะที่สุดยอดจริงๆ

โชคดีไม่มีโป๊ป นักฟุตบอลที่จำเป็นต้องพูดว่าอันตรายที่สุดของหงส์แดง ก็คือ นิค โป๊ป นายทวรจอมหนึบ เพราะว่าเกมที่พวกเขาบุกชนะหงส์แดง ตอนต้นปีนี้ โกลผู้ดีอังกฤษ มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากโชว์ซูเปอร์เซฟหลายคราว

แต่ โป๊ป ไม่สามารถลงในสนามในแมตช์นี้ได้เพราะมีปัญหาเจ็บหัวเข่า ซึ่งแน่ๆว่านี่เป็นจุดแปลงสำคัญ ด้วยเหตุว่าการขาดหายไปของ นายด่านทีมชาติอังกฤษ ทำให้ เบิร์นลี่ย์ลดความอันตรายลงไปมาก

ถึงไม่มี โป๊ป แต่ว่าก็มิได้แสดงว่าเจ้าของบ้านจะไม่น่ากลัว เพราะเหตุว่าสิ่งที่แผงแบ็กโฟร์ของ ลิเวอร์พูลต้องระวังให้ดีนั่นก็เป็น คริส วู้ด หัวหอกคนสำคัญที่ซัดได้อย่างสม่ำเสมอในตอนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา แถมตะบันในเกมลีกเกินด 10 ลูกเป็นฤดูกาลที่ 4 ต่อเนื่องกัน (12 ประตูในฤดูกาลนี้)

ส่วนอีกรายที่จำเป็นต้องจับตาให้ดีๆก็คือ ดไวท์ แม็คนีล มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าอัศจรรย์ในฤดูกาลนี้ แม้ว่าจะทำประตูมิได้เยอะแยะ แม้กระนั้นประเด็นการประดิษฐ์เกม และก็สร้างช่องทางให้สหายร่วมกลุ่ม จัดว่านักฟุตบอลวัย 21 ปีรายนี้อันตรายอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ถ้าดินแดนกึ่งกลางของหงส์แดง ประมาทบางทีอาจพบทีเด็ดของเขาก็ได้

ซาลาห์กับทางดาวซัลโวสูงสุด การลุ้นรางวัลรองเท้าทองคำ หรือ “โกลเด้น บูท” ในฤดูกาลนี้มีความเข้มข้นมากๆโดย แฮร์รี่ เคน กับ ซาลาห์ ยืนหนึ่งคู่กันเมื่อตะบันไปแล้ว 22 ประตู ดังนั้น “บังโม” จำเป็นมากที่จะจำเป็นต้องรีบฟอร์มเพื่อจังหวะที่กำลังจะได้รางวัลส่วนตัวนี้ไปแต่งแต้มตู้โชว์ที่บ้าน

บางครั้งก็อาจจะไม่ใช่การอวยกันเกินความจำเป็นแต่ว่าคู่ต่อสู้ที่หงส์แดง จำต้องเจอใน 2 เกมในที่สุดก็คือเบิร์นลี่ย์ กับ คริสตัล พาเลซ ถ้ามองตามหน้าเสื่อแล้ว ลิเวอร์พูลเป็นกลุ่มที่เหนือกว่า รวมทั้งได้โอกาสทำประตู แม้กระนั้นหาก ซาลาห์ ดันฟอร์มหลุดก็จัดว่าช่วยไม่ได้จริงๆ

ดังนั้น ยอดหน้าแข้งจากดินแดนมัมมี่ จำเป็นมากที่จะจะต้องมีสมาธิกับการเล่น รวมทั้งแน่ๆว่าเกมเยี่ยมเบิร์นลี่ย์ สาวก “เดอะ ค็อป” อาจจะต้องทำใจที่จะมองเห็น ซาลาห์ โชว์ความ “เห็นแก่ตัว” สำหรับเพื่อการตะบี้ตะบันทำประตู มากยิ่งกว่าส่งให้เพื่อนฝูงร่วมทีม

ในกรณีนี้ มาเน่ กับ ฟีร์มีโน่ คงจะเริ่มเข้าใจได้ เพราะเหตุว่าอย่างต่ำๆการส่งให้ ซาลาห์ ได้ลุ้นรางวัลส่วนตัวแบบงี้ ก็นับว่าเป็นขวัญพลังใจ และก็ยังเป็นแรงผลักดันให้ “บังโม” ปรารถนาอยู่ค้าลำแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ ถัดไป

อย่าลืมว่าในเวลานี้ถึงแม้ ซาลาห์ อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีแนวความคิดที่จะทำประตูมากจนเกินไปก็ตาม แต่ว่าถ้าเกิดทำให้กลุ่มคว้าแชมป์ได้ มันย่อมทำให้หงส์แดง ใกล้วัตถุประสงค์สำหรับการทำอันดับขึ้นไปติดท็อปโฟร์ ดีมากกว่ามัวแต่คิดจะ “จ่ายบอล” ราวกับ “บ็อบบี้” ในที่สุดกลุ่มพลาดโอกาสทำประตูไปอย่างโชคร้าย

นาทีทองขึ้นท็อปโฟร์ ช่วงนี้ หงส์แดงคงมีแรงผลักดันสุดๆเนื่องจากการที่ เลสเตอร์ซิตี้ ออกไปโดน เชลซี สอยถึงถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยสกอร์ 1-2 นั่นนับว่าถ้าเกิด ลิเวอร์พูลบุกชนะเบิร์นลี่ย์ จะก่อให้พวกเขามี 66 คะแนนเท่ากับ แชมป์เอฟเอ คัพ ฤดูกาลนี้

หากเหตุการณ์เป็นอย่างนั้น แน่นอนว่าจำต้องมาดูผลต่างประตูได้เสีย ซึ่งแม้ “เดอะ เร้ดส์” ชนะ พวกเขาย่อมมีประตูได้มากขึ้น เวลาที่ “หมาจิ้งจอกประเทศไทย” ที่แพ้ในเกมปัจจุบันทำให้ผลต่างประตูได้เสียน้อยลงไปเป็นระเบียบ

ด้วยเหตุนั้นในในช่วงเวลานี้สิ่งที่ คล็อปป์ต้องทำก็คือการกระตุ้นผู้ร่วมทีมให้ลงไปในสนามด้วยความฮึกเหิม เพราะว่าช่องทางสำหรับเพื่อการลุ้นโควต้าไปเล่นโทรฟี่ “บิ๊กเอียร์” อยู่ในกำมือของพวกเขาแล้ว แค่เพียงชนะก็จะสะสาง เลสเตอร์ตกไปอยู่อันดับ 5 ในทันที

อย่าลืมว่าในแมตช์ท้ายที่สุดของฤดูกาล “เดอะ ฟ็อกซ์” จะต้องพบกับงานหนักอย่างยิ่งจริงๆ เนื่องจากว่าพวกเขาจะต้องต่อกร ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ขณะที่ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอ คริสตัล พาเลซ

ลุ้นขึ้นท็อปโฟร์ ลองนึกถึงตามใจว่าเรื่องราวดราม่าราวฤดูก่อนหน้าที่ผ่านมา ที่เลสเตอร์ จำเป็นต้องพลาดตั๋วไปลุยแชมเปี้ยนส์ลีก ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมในที่สุด จะกลับมาหลอกหลอนพวกเขาอีกหรือไม่ !!?? ตารางแข่งขัน